วันศุกร์

จ้องอยู่แล้ว





ตั้งแต่ "บุกจับ" หลวงพ่อเมื่อเดือน มิย. กลางปีที่ผ่านมา..

แล้วไม่สามารถ "ฝ่า" ศิษยานุศิษย์เข้าไปได้..

จึง "เสียหน้า" ไปพอสมควรสำหรับ "ศรีวราห์"

ได้แต่ "รอวัน" ที่จะกลับมา..ทวงคืน!!!!


ถือว่ามีความ "อดทน" เป็นเลิศสำหรับกับคนระดับนี้..

สิบปีแก้แค้นยังไม่สาย.!!!!

เมื่อ "โอกาส" ยังไม่ "อำนวย" และ "เวลา" ยังไม่ "สุกงอม"

จึงได้แต่ร้องเพลง..รอๆๆ


เดินสาย "เก็บตก" ไปตามป่าเขาลำเนาไพร..

"เสาะหา" วัดป่าวัดดอยที่ "ปลูกล้ำ" กินแดนเข้าไปในเขตป่าไม้..

แต่เนื่องจากทำข่าวแล้ว "ไม่ดัง" แถมโดนข้อหา "รังแกพระ"

จึงเปลี่ยน "เป้า" ไปเล่นงาน "สถานที่ปฏิบัติธรรม" แทน.!!!


วัดพระธรรมกายมีสถานที่ปฏิบัติธรรม "ใหญ่ๆ" อยู่สองแห่ง..

"สวนป่าหิมวันต์" ที่จังหวัดเลย กับ "เวิลด์พีซ วัลเล่ย์" ที่เขาใหญ่..

สามารถ "รองรับ" ผู้มาปฏิบัติธรรมได้ครั้งละหลายร้อยคน..

มีพื้นที่ "หลายร้อยไร่" และ อาคาร "หลายสิบหลัง"


เมื่อคิดจะสร้าง "ใหญ่โต" จึงต้องมีการ "วางแผน" อย่างดี คงไม่สุ่มสี่สุ่มห้าสร้าง..

เพราะรู้ว่า "ตัวเอง" นั้นไม่ได้มี "เส้นสาย" อะไรแถมยังถูก "จับตา" มาตลอด..

เพราะฉะนั้น.. การที่จะสร้าง "รุกล้ำ" เข้าไปในเขตป่าไม้..

มันจึงเป็นไปไม่ได้ "ล้าน" เปอร์เซนต์.!!!!


แต่ "ศรีวราห์" ก็สามารถไปหา "หมายจับ" มาได้ทั้งสองแห่งๆละฉบับ..

เพราะไปเอา "ข้าราชการ" ที่โดน "ไล่ออก" จากการ "ทุจริต" มาเซ็นรับรองว่า..บุกรุกป่า!!!

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น.. ก็ไม่ได้จะ "หวังผล" อะไรจากหมายจับนั้น..

เพียงเพื่อเลี้ยง "กระแส" ว่าหลวงพ่อนั้นเป็นผู้มี.. อิทธิพล.!!!!


เป้าหมายอยู่ที่ "หมายจับ" ฉบับแรกของคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น..

แต่จนแล้วจนรอด "อัยการ" ก็ไม่ยอมสั่งฟ้องให้ซักที..

จึงต้องมีการกดดัน "อัยการ" อย่างหนักตลอด "ต่อเนื่อง" จนในที่สุด.. ก็มีคำว่า "ควรฟ้อง" 

ใครฟังไม่เข้าใจก็ต้องนึกว่า "สั่งฟ้อง" เพราะอัยการเองก็ไม่อยากจะแบกรับ "เผือกร้อน" ก้อนนี้..


อาศัยความ "งุนงง" กับ "ศัพท์" ทางกฎหมายของประชาชน "ตีขลุม" จะบุกจับหลวงพ่อวัดใหญ่..

อาจด้วย "เวลา" เหลือน้อยหรืออย่างไร.. จึงต้องรีบ "ชิงช่วง" ก่อนวันนัด 30 พย.

จงใจสร้าง "สถานการณ์" ให้มัน "วุ่นวาย" เหมือน "ไม่ต้องการ" ให้อะไรๆมันเป็นไปตาม.. "ขั้นตอน"

และรู้ว่าอย่างไรเสีย "ลูกศิษย์" หลวงพ่อคงไม่ยอม "งง" ด้วยคงต้องโดดออกมา "ปกป้อง" หลวงพ่อของพวกเขา..

เพราะถึงแม้จะมิได้เห็น "หลวงพ่อ" มาหลายเดือนแต่ก็เชื่อว่าท่านไม่ได้หนีไปไหน.. ยังคงอยู่ "ในใจ" ศิษย์ตลอดมา.!!!!


กึ่งศตวรรษ..




วันพุธ

ควรไม่ควร

ขอบคุณภาพจากละครนาคี ไทยทีวีสีช่อง3

ตั้งแต่ต้นเดือนมาก็มี "กราบรถกู" ที่สร้างกระแส "ดราม่า" จนเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ..

ใครจะเชื่อว่าแค่ "คลิป" จากมือถือจะมี "อานุภาพ" ได้ขนาดนี้

ต้องถูก "ออก" จากงานและโดน "ริบ" รางวัลคนไทยตัวอย่างประจำปี

อนาคต "ดับวูบ" ไปต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะ "วลี" เดียว.. กราบรถกู.!!!!


ต่อมาก็ "นักพูด" สร้างกำลังใจที่ไป "พูดหมิ่น" คนอีสาน..

จนถูกสังคม "ลงโทษ" เพราะเอาการเมืองมาเกี่ยวข้องกับสถาบัน

จาก "ค่าตัว" ชั่วโมงละสามหมื่นบาท.. ยังจะ "รักษา" ไว้ได้อยู่ไหม.???

คาดว่าคงจะยาก.!!!!


ทั้งสองท่านเผลอ "พูด" ในสิ่งที่ "ไม่ควร" พูด.!!!

มันเลยกลายเป็น "คำพูด" ที่ย้อนกลับมา "ทำลาย" ตัวเอง..

เพราะความที่เป็น "ดารา" และอัตตาในความเป็น "นักพูด" ของตน..

จนบางครั้งก็ "หลงลืม" กระทำ "เกิน" ขอบเขตที่ควรจะเป็น.!!!!


ทำเกินหน้าที่หรือเปล่า.???

"บิ๊กต๊อก" ไพบูลย์ คุ้มฉายา.. ตั้งแต่รับตำแหน่งมา "เด่นสุด" ก็เรื่องเล่นงานธรรมกาย..

ส่วน "ประปราย" ก็เรื่อง "รถหรู" ของสมเด็จฯวัดปากน้ำ..

ถ้าไป "ตามน้ำ" ก็ต้องเรื่องทำ "ยาบ้า" ขายเม็ดละห้าสิบสตางค์..

แต่ที่ "ไม่เอา" เลยก็เรื่องธวัชชัย อนุกูล โดน "ฆาตกรรม" ในตึก DSI.!!!!!


วันนี้ "อัยการ" มีความเห็น "ควรฟ้อง" คดีหลวงพ่อวัดใหญ่ แต่สั่งให้ DSI ไป "สอบสวน" เพิ่มให้แล้วเสร็จ..

ให้ผู้ต้องหาได้ "แก้" ข้อกล่าวหาก่อน.. แล้ว "อัยการ" จึงจะพิจารณาอีกที.!!!

ถ้า DSI มี "หลักฐาน" หรือ "ข้อเท็จจริง" ถูกต้อง.. ถึงจะสั่งฟ้อง 

แต่ถ้าหลักฐาน "ไม่ถูกต้อง" อาจจะสั่งไม่ฟ้องก็ได้.!!!!


บ้านเมืองกำลังจะเข้าสู่ช่วง "เปลี่ยนผ่าน" 

ควรที่จะสมัครสมาน "สามัคคี" กันเพื่อถวายความอาลัย..

แต่คน "พวกนี้" กำลังทำอะไร???.. หรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร???

วันวัน "พูด" แต่เรื่อง "เดือดเนื้อร้อนใจ" ให้กับคนในชาติ.!!!!!


กึ่งศตวรรษ..

ชมคลิป

วันเสาร์

ปู่ขอแจมด้วย



ขอบคุณภาพจากมติชนออนไลน์   อ่านเพิ่ม

"พล่าน" กันจนผิดสังเกตุ.!!!!

เริ่มจาก "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ออกมาชี้นำ "อัยการ" ว่าต้องสั่งฟ้องคดีหลวงพ่อวัดใหญ่..

มิเช่นนั้น..จะถือว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู..

ซ้ำรอยคดีปี 2542


และเมื่ออัยการสั่ง "เลื่อนนัด" เป็น 30 พย. ปลายเดือนนี้..

ก็ถึงคิวของ "ไพบูลย์ คุ้มฉายา" ออกมาโวยว่ามีคน.. เตะถ่วง

เพราะ "ลูกน้อง" ตัวเองคือ DSI ส่งสำนวนให้อัยการไปหมดแล้ว..

ทำไม "อัยการ" ถึงยังไม่สั่งฟ้อง.???

นี่ถ้าคดี "ธวัชชัย อนุกูล" ท่าน "ขยัน" แบบนี้.. คงจับ "ฆาตกร" ได้นานแล้ว.!!!!




ถึงแม้ทั้งสอง "ไพบูลย์" จะแทคทีมกันแล้วแต่ "กระแส" ก็ยังไม่ดีขึ้น..

จึงจำเป็นต้องให้ "ธรรมนูญ​ อัตโชติ" พาสมาชิกสหกรณ์ที่ "หลงเชื่อ" ว่าเงินยังอยู่ที่ธรรมกายมาช่วยกัน "ถือป้าย"

เรียกร้องความ "เห็นใจ" จากสังคมว่าโดน "ธรรมกาย" โกงเงินไปจนต้องหมดเนื้อหมดตัว..

สร้างกระแส "ดราม่า" เป็นภาคต่อจาก "บิ๊กต๊อก"


แล้วเพื่อให้หลวงพ่อดูเป็นผู้มี "อิทธิพล" จนแม้แต่ "หมายจับ" ยังทำอะไรไม่ได้..

"ศรีวราห์" จึงต้องใช้ "วิฑูรย์​ ชลายนนาวิน" อดีตรองอธิบดีป่าไม้ที่โดน "ไล่ออก" จากคดี "ทุจริต" 

"เซ็นรับรอง" ว่า เวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่.. รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าไม้ 

เพื่อขอ "หมายจับ" ฉบับที่สาม.!!!




"ปกติ" หากมีการรุกล้ำเขตป่าไม้จริง.. ก็แค่เรียก "เจ้าของ" มาแล้วสั่งให้รื้อถอน..

หาก "ฝ่าฝืน" จึงค่อยดำเนินการตาม "ขั้นตอน" ไปเป็นลำดับ.!!!!

แต่ "ศรีวราห์" เร่งรัดออกหมายจับโดยมิเคย "แจ้ง" หรือ "เตือน" เหมือนประหนึ่ง "จ้อง" รอคอยโอกาส..

จึงมิรู้ว่า.. "รุกล้ำ" หรือหวัง "สร้างข่าว" เพราะก็ใกล้วันที่ "อัยการ" จะสรุปคดี


และมาวันนี้.. ขาดมิได้กับ "เจ้าเก่า" ขาประจำ "ปู่อิสระ" แห่งอ้อน้อย..

พญาราชสีห์แห่งแจ้งวัฒนะ.. เจ้าของฉายา "กรวยศักดิ์สิทธิ์" ขยับ จับ ตาย..

ก็ตามออกมา "โหนกระแส" กับเขาด้วย ประหนึ่งกลัวว่า "ญาติโยม" ทั้งหลายจะหลงลืม.. 

เพราะเส้นทางไป "อ้อน้อย" ช่วงนี้ "เงียบเหงา" ไม่หนาแน่นเหมือนยุคที่รุ่งเรือง




ล่าสุดก็ "มะนาว" นายมโน เลาหวณิช "ศิษย์ทรยศ" แห่งเส้าหลิน..

ผู้ขอตาม "จองเวร" กับธรรมกายจนกว่าจะหมดลมหายใจ..

ก็จะนำ "เดินขบวน" ไปร้องเรียนท่าน "นายก" ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังเศร้าโศกเสียใจ..

ก็หวังว่าคงจะไม่โดน "ลุงตู่" ทุ่มออกมาจนหัวร้างข้างแตกนะ.!!!!


ทั้งหมดนี้ก็คือ "หน้าตา" ของขบวนการที่จ้องล้ม "ธรรมกาย" 

"แบ่งงาน" กันทำคนละหน้าที่ แต่มี "เป้าหมาย" เดียวกัน.. ซึ่งครั้งนี้ก็ "ดาหน้า" กันออกมาหมด..

ประหนึ่งว่าจะได้ "สัญญาน" อะไรบางอย่างซึ่งคงไม่เป็น "ผลดี" ต่อฝ่ายตน..

จึงพอ "คาดเดา" ได้ว่า "ลูกศิษย์" ทั้งหลายของ "หลวงพ่อ" อาจจะมีเฮในตอนปลายเดือนนี้ก็เป็นไปได้

กึ่งศตวรรษ..


อ่านแล้วโดน..อนุโมทนากับพระอาจารย์

วันศุกร์

น่าสงสัย?


ขอบคุณภาพจาก น.ส.พ. ไทยรัฐ   อ่านเพิ่ม

ดูเหมือนว่า "อัยการ" เตรียมจะ "ยกฟ้อง" คดีหลวงพ่อวัดใหญ่ จ.ปทุมธานี หลังจากที่เลื่อนมา 4-5 ครั้ง..

ในการนัดหมายครั้งหน้าคือวันที่ 30 พย. ปลายเดือนนี้

เนื่องจาก "สำนวน" ที่ DSI ส่งไปที่อัยการมัน "อ่อน" เต็มที..

ถึงจะ "สั่งฟ้อง" ไปอย่างไรเสียก็คง "ไม่ผ่าน" ในชั้นศาล เพราะคดีมัน.. ไม่มีมูล!!!!


จึงต้องมี "ขบวนการ" เรียกร้องถามหาความยุติธรรม.. นำโดย "ธรรมนูญ อัตโชติ"

ระดมสมาชิกสหกรณ์ออกมา "ถือป้าย" สร้างกระแสให้ติดหน้าสื่อ.. 

โดยมี "ไพบูลย์ นิติตะวัน" คอยช่วย "กดดัน" ทางอัยการ..

ทำนองว่า 30 พย. นี้คงต้อง "สั่งฟ้อง" แน่.. หรือถ้าอัยการจะ "ไม่ฟ้อง" ก็ต้องถือว่าเป็นมวยล้ม..



มิใช่ว่าจะไม่เห็นใจ "สมาชิก" สหกรณ์ที่ "สูญเสีย" เงินออมที่สู้อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต..

แต่ "แปลกใจ" อยู่แค่นิดเดียวว่า.. จังหวะเวลาที่ออกมา "เคลื่อนไหว" นั้นมันช่างประจวบเหมาะ..

เพราะก่อนหน้านี้ก็ "อาศัย" แค่ "สองไพบูลย์".. นิติตะวัน กับ คุ้มฉายา ผลัดเปลี่ยนหน้ากันออกมา "โชว์" 

ดูแล้วว่า "กระแส" คงจะปลุกไม่ขึ้น.. งานนี้ "ธรรมนูญ" เลยต้องไป "รวบรวม" สมาชิกที่ยัง "ไม่เข้าใจ" มาช่วยกัน "ดราม่า" 



เงินจากสหกรณ์ "บริจาค" ไปธรรมกาย 1,000 กว่าล้านบาท.. จากยอดทั้งหมดที่หายไป 12,000 ล้านบาท..

ทั้ง ปปช.. สตง.. ก็ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบว่า..

เงินเข้าไปที่ "ธรรมกาย" จริงแล้วก็ถูกใช้ไปในการ "ก่อสร้าง" ต่างๆภายในวัดจริง..

เช็คทุกสลึงทุกบาท "ไม่ตกไม่หล่น" แม้แต่สตางค์แดงเดียว.!!!!


ธรรมกายได้เงินไปจริงแต่ก็ "คืนให้" หมดแล้ว.. และไม่ใช่ว่าพอถูก "จับผิด" แล้วถึงคืน..

แต่เพราะ "ไม่รู้" ว่าเงินอะไรจึงรับมา.. ก็เหมือน "ปกติ" ที่รับบริจาคจากสาธุชนทั่วไป..

คราวนี้ "พอรู้" ว่าเงินอะไร.. ศิษย์จึงลงขันกัน "คืนให้" ก็เพราะ  "เห็นใจ" สมาชิกที่เดือดร้อน..

จึงถือว่า "เลิกแล้วต่อกัน" !!!!!


"ธรรมนูญ อัตโชติ" จึงควรจะไปเร่ง DSI ให้ตามหา "เงินที่เหลือ" อีก "หมื่นกว่าล้าน" ว่าอยู่ที่ไหน.. ใครเอาไป..

หาเจอเมื่อไร.​. นั่นแหละจึงเป็นการ "ช่วยเหลือ" สมาชิกอย่างแท้จริง

มิใช่ "หลอกใช้" สมาชิกมาเร่งให้มีการ "ดำเนินคดี" กับหลวงพ่อ..

เพราะเงินนั้นก็มิได้อยู่ที่ "ธรรมกาย" อีกต่อไป แต่กระจัดกระจายไปอยู่ใน "กระเป๋า" ใครนั้น..

นั้นแหละคือสิ่งที่ "ธรรมนูญ อัตโชติ" ควรจะรีบไปทำ.!!!!!


กึ่งศตวรรษ..





วันจันทร์

ช่วยกันตามหน่อยก็ดี


ขอบคุณภาพจาก MGR online   อ่านเพิ่ม

ผู้จัดการ "เจ้าเก่า" ก็ยังพยายาม "ไม่เลิก" กับคดีหลวงพ่อวัดใหญ่กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น..

ก็ไม่รู้ว่า "ทำไม" หรือ "ญาติใคร" เดือดร้อนไปกับการ "บริจาค" ของคุณศุภชัย ในครั้งนี้..

ครั้นจะบอกว่าด้วย "จิตสำนึก" ของสื่อที่ต้องการ "ช่วยเหลือ" สมาชิกสหกรณ์ "ทวงถาม" ความยุติธรรม..

มันก็ฟังทะแม่งๆ..เพราะก็ทราบๆกันอยู่ว่าสื่อ "สำนักนี้" เป็นอย่างไร.!!!


หากติดตามมาแต่ต้นก็จะรู้ว่า "เงิน" นั้นไม่ได้ไปที่ "ธรรมกาย" เพียงแห่งเดียว..

ยอดเงินจำนวน 12,000 ล้านบาทนั้น "ถึงมือ" ธรรมกายแค่พันกว่าล้าน..

แล้วอีกหมื่นกว่าล้าน.. ปลาสนาการไปที่ไหน!!!!

"ผู้จัดการ" ช่วยสืบหาหรือ "ตามข่าว" หน่อยก็จะ "เป็นคุณ" แก่สมาชิกสหกรณ์อย่างล้นเหลือ..



เงินที่เข้าไป "ธรรมกาย" พันกว่าล้าน.. พอมีข่าวว่า "ที่มา" ไม่ค่อยชอบมาพากล..

ลูกศิษย์ทั้งหลายก็รีบ "ลงขัน" กันจนสามารถ "คืนกลับ" ให้สหกรณ์ตามยอดที่รับบริจาคมา..

เพราะตอนที่ "หลวงพ่อ" ท่านรับมาก็ไม่เคยไปถามว่า "เงินอะไร" หรือ มาจากไหน..

ก็พระที่ไหนจะไปถามโยมว่า "เงินนั้น" โยมได้แต่ใดมา.???

พูดเป็นเล่น!!!!




ทั้งๆที่ "ระวัง" ตัวกันถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยัง "มิวาย"โดนตั้งข้อหา.. ฟอกเงินรับของโจร

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า "ความคิด" ใคร ???

แต่ต้องยอมรับว่า "ลึก" สุดประมาณ.!!!

ไม่ใช่ "คิด" ได้ลึก.. แต่คงต้อง "ลง" ไปลึก.!!!


พระรับเงิน "บริจาค" ยังไงๆก็ไม่มีทางผิด..​ เพราะไม่มีทาง "รู้" ได้ว่าเงินนั้น "บริสุทธิ์" หรือไม่..

แต่เมื่อรู้ว่าเงินนี้ "ไม่โอเค" ก็รีบจัดการคืนไป..  ถึงต่อให้ "ไม่คืน" ก็ไม่มีความผิดตามกฎหมาย..

แต่เพื่อความ "สบายใจ" ของทุกฝ่ายและ "เข้าใจ" ถึงความเดือดร้อนของสมาชิกที่นำเงินมาฝากไว้..

จึงจัดการ "ปัญหา" ทั้งหลายตาม "เจตนารมณ์" ของทางวัด


เมื่อเป็นเช่นนี้ "คดี" มันจึงไม่มีมูล.!!!

พอเรื่องส่งไปถึง "อัยการ" จึงไม่สามารถจะ "ฟ้อง" ได้..

เพราะขืนไปฟ้อง "ซี้ซั้ว" คนที่จะ "ซวย" ทีหลังมันไม่ใช่ "ผู้จัดการ" นี่จ๊ะ.. 

มันจึงต้องเลื่อน "ครั้งแล้วครั้งเล่า" ไงหละเตง


ส่วน "บิ๊กต๊อก" ที่กล่าวว่าได้เรียก "อธิบดี" DSI มาถามถึงความคืบหน้าคดี..

ทางที่ดีช่วยถามถึงคดี "ตับแตก" ของคุณธวัชชัย อนุกูล ด้วยนะ..

เพราะ สังคม ก็รอฟังคำตอบอยู่.. เพราะเหตุมันเกิดในตึก DSI แท้ๆ ไม่ต้องไปสืบอะไรไกลๆ..

ยังไงก็อย่าให้ใครเขาว่า.. ทีเรื่อง "เงินๆทองๆ" หละตามจริง ทีเรื่อง "ตายจริง" ของลูกน้องหละทำเป็นเงียบ

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.!!!!

กึ่งศตวรรษ..



วันพฤหัสบดี

รู้แล้วว่าทำไม



ภาพงานกฐิน "วัดพระธรรมกาย" ยิ่งใหญ่อลังการ.. ยังคงมีสาธุชนมา "บริจาค" กันแบบมืดฟ้ามัวดิน..

ประมาณว่า "ขบวนกฐิน" ยาวหลายร้อยเมตร..

แถม 1 เมตร ก็คงจะหลายสตางค์อยู่ เพราะยี่ห้อ "ธรรมกาย" นั้นเชื่อขนมกินได้ว่า..

ญาติโยมย่อม "ทุ่มทำ" กันสุดกำลัง!!!


ใครจะคิดว่า.. วัดที่กำลังมีปัญหาเรื่อง "ฟอกเงินรับของโจร" 

โดน "ถล่ม" จากหน่วยงานรัฐและสื่อบางสำนัก.. ตลอดต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายเดือน..

พยายามจะ "ชี้นำ" สังคมให้มอง "ธรรมกาย" เป็นเหมือนลัทธิ "ขายบุญ" เพื่อคนจะได้ขยาด.. 


แต่เมื่อถึงคราว "โชว์พลัง" แล้วศิษย์ธรรมกายทั้งหลายได้ "แสดง" ให้เห็นแล้วว่า..

มิได้ "หวั่นไหว" และ "ไหวหวั่น" ไปกับกระแสข่าว..

ยังคงเชื่อมั่นใน "ความบริสุทธิของหลวงพ่อ" และพร้อมจะ "สนับสนุน" อย่างเหนียวแน่น


เหมือนกรณี "ฮิลลารี คลินตัน" ที่สื่อประโคมเช้าเย็นว่า "นำมา" แบบม้วนเดียวจบ..

จนใครๆก็เชื่อว่าต้อง "ชนะ" การเลือกตั้งอย่างแน่นอน..

ที่ไหนได้กลับตาลปัตร "โดนัลด์ ทรัมป์" เข้าวินเฉยเลย.!!!!


ทำให้เห็นถึง "อิทธิพล" ของสื่อที่มีต่อสังคมว่า.. 

หากสื่อไหนคิดจะ "เล่นข้าง" แล้วหละก็ มันเป็นการง่ายที่ "ชักจูง" ให้คนในสังคมนั้นๆเชื่อตาม..

ดังเช่นกรณีของ "ธรรมกาย" ก็อีหรอบเดียวกัน.!!!!




การที่อัยการสั่งเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ก็ฟ้องถึงความไม่ชอบมาพากลของคดีว่า..

แท้จริงแล้ว.. มันเป็นคดีที่ไม่มีมูล.!!!!

แต่ว่า "ศัตรู" ของธรรมกาย นั้นก็มีอยู่พอสมควร..

จึงเป็นการง่ายที่สื่อจะรักษา "กระแส" ความไม่ชอบธรรมกายไว้ แต่ไปๆมาๆ ก็ล้วนแล้วแต่หน้าเดิมๆ


ส่วนอีกพวกที่ไม่ยอมให้เรื่องเงียบก็เพราะหวัง "ส้มหล่น" จากยอดเงินบริจาคของสหกรณ์ ที่มีข่าวว่า 12,000 ล้านบาท..

มิวายที่ทางวัดจะบอกว่า.. ได้รับมาแค่ "พันเศษ" และก็ได้ใช้ "ก่อสร้าง" ศาสนสถานต่างๆ ไปหมดแล้ว..

สามารถเช็คได้ "ทุกบาททุกสตางค์"  จากหลักฐานบัญชีต่างๆ..


อีกทั้งศิษย์ทั้งหลายก็ได้ "ลงขัน" กัน "คืน" ให้กับสหกรณ์.. 

ตามยอดที่ได้รับบริจาคมาไปจนครบหมดแล้ว..

จนเป็นที่ "ขอบอกขอบใจ" จากผู้บริหารสหกรณ์และสมาชิก.. 

เพราะเป็นเพียง "รายเดียว" ที่ได้ช่วยเหลือเยียวยา ในจำนวนนับพันๆราย




แต่ก็มีพวกที่ "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ"

นอกจากไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว.. ยังแอบหวังจะ "จับปลาตอนน้ำขุ่น"

ก็เป็นเพราะ "ยอดเงิน" มันสูงจน "ห้ามใจ" มิไหว.. ไม่ได้ถึงหมื่น ก็ขอซักพัน.. ได้ไม่ถึงพัน ซักร้อยก็ยังดี..


ถ้าเป็นร้อยบาทพันบาท ก็จะถือว่าทำบุญทำทาน.. 

แต่นี่ "คุณท่าน" เล่นจะเอากันเป็นหลักร้อยล้านพันล้าน..

ประมาณว่า.. ถ้าเงินมาเรื่องก็จบ  เงินไม่ครบก็ยังจบไม่ได้.!!!!


และไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าหากว่ายังจะมี "รายการ" อะไรๆที่จะตามมาถวาย "หลวงพ่อ" ต่อไปอีก..

ขนาดตอนเป็นๆก็ยังกล้าคิดที่จะ "ล้วงย่ามพระ" เพราะฉะนั้น มิต้องแปลกใจหรอกว่า..

ทำไม "เปรต" วัดสุทัศน์ มันจึงดังมาจนถึงทุกวันนี้.!!!!

กึ่งศตวรรษ..



วันอังคาร

กราบรถกู





Talk of the town กับวลี.. กราบรถกู!!!

นี่ถ้าคุณครูอังคณายังอยู่ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้..ชิมิ


ก็น่าเห็นใจคุณน็อต อุตส่าห์ทำความฝันจนเป็นจริง..

สู้เก็บหอมรอบริบจนสามารถถอยรถมินิคูเปอร์มาได้..

แต่พอรถคันโปรดโดนชนเข้าก็.. สติแตก!!!


เพราะความ "ยึดติด" ว่า..รถของกูนี่แหละ

พระท่านถึงว่ารักมากย่อมทุกข์มาก.. 

จำไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า.. อย่าให้ "อารมณ์" มาอยู่เหนือ "เหตุผล"

เพราะการถูก "โทสะ" ครอบงำจน "ขาดสติ" อาจทำให้ถึงกับหมดอนาคตได้ทีเดียว!!!!




อีกข่าวก็เรื่องอัยการสั่ง "เลื่อนฟ้อง" คดีหลวงพ่อวัดใหญ่เป็นครั้งที่ 4..

การเลื่อนแล้วเลื่อนอีกของคดี "ฟอกเงิน&รับของโจร" ที่ DSI ถวายหลวงพ่อวัดใหญ่ไปเมื่อต้นปีนั้น..

จะมอง "มุมไหน" มันก็ไม่มีทางเป็นคดีไปได้!!! 


แต่เนื่องจากโหมประโคมกันไปใหญ่โตถึงขนาด "ยกทัพ" ไปเยี่ยมกันถึงวัดมาแล้ว

ครั้นจะให้จบแบบ "ไม่มีอะไรในกอไผ่" เดี๋ยว DSI คงโดนถล่มเละเทะ..

จึงต้องขอป่วยเป็นโรค "ไส้เลื่อน" ไปเรื่อยๆกับเหตุผลที่ว่า "ข้อมูล" เยอะมาก จนต้องขอเวลาสืบสวนเพิ่ม

ซึ่ง "แท้จริง" แล้วก็คือ.. มันเป็นคดีที่ไม่มีมูลให้สืบ!!!! 




แต่มิวายยังมีพวกที่พยายามโยงว่า "หลวงพ่อ" มีบารมีอิทธิพลจนถึงขนาด "ถ่วงคดี" ได้

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง.. มันคงไม่มาถึง ณ จุดนี้อย่างแน่นอน!!!

ก็เหมือนพวกที่โดน "ขัดใจ" เมื่อสั่งไปแล้ว "ลูกน้อง" ไม่สามารถสนองให้ "ลุล่วง" ได้

โทสะจึงประดัง "ขึ้นหน้า" จนต้องให้มา "กราบรถกู" ฉะนั้นแล!!



กราบ "รถกู" ไม่ได้บุญหรอก.. สู้ไปกราบผู้มี "พระคุณ" ได้บุญกว่า!!!

แต่ถ้า "ยืนกราน" ว่าอยากจะกราบ ก็ให้ไปกราบ "รถหรู" สมเด็จฯวัดปากน้ำโน่น..

เพราะถึงแม้ไม่ได้บุญ.. แต่เมื่อกราบขอ "อโหสิกรรม" แล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ต้องถูกรถหรูชนจน "ตกเก้าอี้" หละนะท่าน!!!

กึ่งศตวรรษ..